ข้าพเจ้าเป็นคริสเตียนคนเดียวในครอบครัว เป็นคริสเตียนคนเดียวท่ามกลางผู้คนที่ไม่รู้จักพระเจ้าทั้งที่บ้านและที่ทำงาน ข้าพเจ้าเพิ่งรับเชื่อมาได้ประมาณ 3 ปี การมาพบพระเจ้าของข้าพเจ้าไม่ได้ตื่นเต้นเท่าไรนัก แต่หลังจากได้รู้จักพระองค์แล้ว ข้าพเจ้าได้ทราบว่า พระองค์คือคำตอบของสิ่งที่ข้าพเจ้าค้นหามาเป็นเวลานาน การแสวงหาพระเจ้าของข้าพเจ้านั้น เกิดขึ้นจากสาเหตุหลัก ๆ 2 ประการ
ประการแรก คือ เนื่องด้วยอาชีพของข้าพเจ้าที่เป็นแพทย์โรคหัวใจ ทำให้ข้าพเจ้าได้มีโอกาสใกล้ชิดกับความตาย ข้าพเจ้าตระหนักดีว่าความตายเป็นเพชฌฆาตที่แม่นยำที่สุด อดทนที่สุด เหนือความคาดเดามากที่สุด ไม่เคยมีเหยื่อคนใดที่รอดพ้นไปได้เลย และเมื่อเพื่อนสนิทของข้าพเจ้าต้องจากไปอย่างกระทันหันด้วยวัยอันไม่สมควร คนแล้วคนเล่า ก็ยิ่งเตือนให้ข้าพเจ้าทราบว่า ความตายอยู่ใกล้แค่นี้เอง อยู่ภายใต้เท้าของเราทุกคน และไม่มีอะไรเป็นเครื่องรับประกันว่า จะยังคงมีพรุ่งนี้สำหรับเราแต่ละคน
ข้าพเจ้าได้ดูแลผู้ป่วยใกล้ตายทั้งคนธรรมดาสามัญ ไปจนถึงเชื้อพระวงศ์ ทั้งคนยากจนไปจนถึงมหาเศรษฐี ฐานะเงินทองไม่ได้ช่วยให้คนใกล้ตายยอมรับความจริงของชีวิต ตรงข้าม ยิ่งบุคคลที่โลกนี้ยกย่องว่า เป็นผู้ประสบความสำเร็จ กลับยิ่งทุรนทุรายต่อความตาย
ข้าพเจ้าทราบดีว่าสักวันข้าพเจ้าต้องมาถึงจุดนี้ ต้องติดอยู่กับเครื่องช่วยหายใจ สายระโยงระยาง เครื่องช่วยพยุงชีวิตอีกมากมาย ข้าพเจ้าถามตนเองว่า เมื่อวันนั้นก้าวย่างมาถึงจริง ๆ ข้าพเจ้าจะเอาอะไรเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ และรับประกันว่า ข้าพเจ้าเองจะเผชิญหน้ากับความตายอย่างสงบ ใช้เวลาช่วงสุดท้ายในโลกนี้อย่างมีความสุข และจะผ่านไปโลกหน้าอย่างมั่นใจ
ประการที่สอง เมื่อข้าพเจ้ารู้สึกว่า ข้าพเจ้าประสบความสำเร็จในหลาย ๆ ด้าน ทั้งชีวิตส่วนตัว ชีวิตการทำงาน เกียรติยศ และฐานะเงินทอง ข้าพเจ้ามีเกือบทุกอย่างที่คนทั่วไปบนโลกนี้อยากจะมี แต่ข้าพเจ้ายังรู้สึกเสมอว่า บางอย่างในชีวิตของข้าพเจ้าหายไป บางอย่างที่จะเติมชีวิตให้เต็ม
ข้าพเจ้าแสวงหาสิ่งต่าง ๆ ที่อาจเป็นคำตอบของชีวิตไปเรื่อย ๆ เมื่อข้าพเจ้ามองหาสิ่งหนึ่งและได้มา ข้าพเจ้าจะชื่นชมอยู่สักพัก และมองหาสิ่งใหม่ ๆ ที่ท้าทายต่อไป
ข้าพเจ้าเริ่มมองเห็นว่า หากทำเช่นนี้ไปเรื่อย ๆ แล้วจะหยุดแสวงหาในวันใด จะต้องเหน็ดเหนื่อยดิ้นรนเช่นนี้ไปจนถึงวันสุดท้ายแห่งชีวิตหรือ
เดิมทีเดียว ข้าพเจ้าแสวงหาหนทางด้วยตนเอง ข้าพเจ้าพยายามเป็นคนดี รักษาศีลอย่างครบถ้วน จนวันหนึ่ง ข้าพเจ้าได้รู้จักเพื่อนที่เป็นคริสเตียน เธอก้มศีรษะขอบคุณพระเจ้าในมื้ออาหาร ข้าพเจ้านึกขำในความงมงายของเธอ อย่างไรก็ตาม หลังจากได้พูดคุยเรื่องความเชื่อของเธอ ศรัทธาที่มั่นคง ทำให้ข้าพเจ้าต้องถามตนเองว่า ทำไมคนที่มีการศึกษาขนาดนี้จึงเชิ่อเรื่องพระเจ้า
ข้าพเจ้าบอกกับตนเองว่า เราไม่ควรบอกว่าอะไรจริงหรือไม่จริง ก่อนที่เราจะศึกษาด้วยตนเอง บางทีสิ่งนี้อาจเป็นคำตอบที่ข้าพเจ้าตามหามานานก็ได้ ข้าพเจ้าจึงตัดสินใจไปโบสถ์คริสเตียนครั้งแรก เมื่อประมาณ 4 ปีก่อน การตัดสินใจครั้งนั้นได้เปลี่ยนแปลงชีวิตของข้าพเจ้าตลอดไป
1 reply on “คำพยานจาก นท.นพ. ภากร จันทนมัฎฐะ รน.”
ได้ฟังคำพยาน..ของคุณหมอที่โบสถ์สืบฯ…เป็นคำพยานที่ดีมากดีใจที่ได้เห็นพิมพ์ออกมาเป็นบทความให้อ่าน..ขออนุญาติ forward mail ต่อนะค่ะ 😀